admin สนใจอย่างยิ่งเรื่องภาวะโลกร้อน มีบทความดีๆมาฝากกันครับ
“Carbon neutrality” กับ “Net zero emissions” ต่างกันอย่างไร? และมีความสำคัญอย่างไร?
หลายคนคงเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในปัจจุบัน เช่น อากาศที่ร้อนกว่าปกติฝนตกไม่ตรงตามฤดูกาล หรือสภาพ อากาศรุนแรงบ่อยครั้งมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศก็เป็นหนึ่งในผลจาก ปรากฏการณ์โลกร้อนที่เกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งปัจจุบันเป็นปัญหาที่นานาชาติต่างให้ความสำคัญและมีการร่วมกันตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อที่จะชะลอหรือหยุดปรากฏการณ์โลกร้อน ล่าสุดในการประชุมสมัชชาประเทศว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP 26) ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร ผู้แทนจากกว่า 200 ประเทศได้เข้าร่วมเพื่อสร้างพันธสัญญาในการวางแผน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิของโลกไม่ให้เกิน 2 องศาเซลเซียส และให้พยายาม ตั้งเป้าไว้ที่ 15 องศาเซลเซียส ซึ่งในการประชุมครั้งนี้้ประเทศไทยก็ได้ประกาศเจตนารมย์ที่ จะบรรลุเป้า “carbon neutrality” ภายในปี 2050 และ บรรลุเป้า “net zero emissions” ภายในปี 2065
Carbon neutrality และ Net zero emission คืออะไร?
“Carbon neutrality” หรือความเป็นกลางทางคาร์บอน คือ การที่ปริมาณการปล่อยคาร์บอน (CO2 ) เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ เท่ากับปริมาณคาร์บอนที่ถูกดูดซับกลับคืนมาผ่านป่าหรือวิธีการอื่น ส่วน “Net zero emissions” หรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ คือ การที่ปริมาณ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีความสมดุล เท่ากับก๊าซเรือนกระจกที่ถูกดูดซับออกจากชั้นบรรยากาศ ซึ่งในสภาวะสมดุลนี้ก็ไม่เพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศ และหาก ทุกประเทศทั่วโลกสามารถบรรลุเป้า net zero emissions ได้ก็แปลว่าเราสามารถหยุดการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่วนเกินที่ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์โลกร้อนได้
ทั้งนี้ net zero emissions คล้ายกับ carbon neutrality แต่เป็นมิติที่กว้างกว่าแค่การ ปล่อยคาร์บอน คือ พิจารณาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดทีส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น (สามตัวหลัก ได้แก่ CO2 CH4 และ N2O) จึงเห็นได้ว่าความเป็นกลางทางคาร์์บอน เป็นเป้าหมายเริ่มต้นสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ นอกจากนี้้โดยมาก net zero emissions เป็นเป้าหมายที่ตั้งในระดับประเทศ หรือ หากเป็นเป้าหมายระดับองค์กรตามคำนิยามที่เห็นพ้องกันตองมีการปล่อยสุทธิเป็นศูนย์ตลอดทั้งหวงโซ่่การผลิต ทั้งต้นน้ำปลายน้ำจงเป็นเป้าหมายที่มีความท้าทากว่าความเป็นกลางทางคาร์บอน
การบรรลุเป้าหมาย carbon neutrality นั้นอาจเป็นเปาหมายระดับบุคคล องค์กร หรือประเทศ
สามารถทำได้โดยการ “ลด” และ “ชดเชย” (lower & offset) การปล่อยคาร์บอนจนเป็นกลาง ซึ่งมาตรการ “ลด” การปล่อยคาร์บอนหรือก๊าซเรือนกระจก ได้แก่ การลด หรือละกิจกรรมบางอย่างที่่ไม่จำเป็น (เช่น กิจกรรมโลจิสติกส์) การใช้เทคโนโลยีการผลิต และการจัดการของเสียที่สะอาดขึ้น หรือการใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม เป็นต้น และหากยังมีการปล่อยคาร์บอนอยู่ก็“ชดเชย” หรือ offset คาร์บอนที่ยังปล่อยอยู่ผ่านกิจกรรมที่ไปลดคาร์บอนที่อื่น เช่น การปลูกป่า การลงทุนใน พลังงานหมุนเวียนหรือการซื้อคาร์บอนเครดิต เป็นต้น
ส่วนการบรรลุุเป้าหมาย net zero emissions นั้นโดยมากเป็น เปาหมายระดับประเทศ
และหลังจากความพยายาม “ลด” การปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านมาตรการต่างๆ ที่่สามารถทำได้แล้ว กจกรรมในบางอุตสาหกรรมก็อาจยังมีการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกอยู่ดีเพื่อให้บรรลุเป้าการปล่อยสุทธิเป็นศูนย์ก็ให้ใช้มาตรการ “กำจัด” ก๊าซเรือนกระจกผ่านกิจกรรมที่สามารถดูดซับก๊าซเรือนกระจก ออกจากชั้นบรรยากาศในระยะยาว เช่น การปลูกป่า การปลูกพืชคลุมดิน เพิ่มเติมในพื้นที่เกษตรเพื่อเพิ่มการตรึงคาร์บอนในดิน หรือใช้เทคโนโลยี ในการดูดคาร์บอนที่ดักจบและกักเก็บโดยตรง
Credit : KEEP KOOL 67